เป็นพื้นที่ให้องค์กรชุมชนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นสะท้อนปัญหา และเสนอแนะความต้องการแนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สภาองค์กรชุมชน คือ การใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย

alt สภาองค์กรชุมชน คือ การใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย

พร บ.สภาองค์กรชุมชนเพิ่งมีอายุครบสามปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนหลักของสภาองค์กรชุมชนตามพรบ.ฉบับนี้รายงานว่า ปัจจุบันมีการจดแจ้ง(ภาษากฎหมาย) จัดตั้งสภาองค์กรชุมชนทั่วประเทศทั้งในเขตเมืองและชนบทแล้วกว่า ๒,๕๐๐ สภา มีสมาชิกซึ่งเป็นองค์กรชุมชนมากกว่า ๕๐,๐๐๐ องค์กร

ตลอดสามปีที่ผ่านมามีคำถามต่อพรบ.ฉบับนี้จำนวนมาก ตั้งแต่คำถามพื้นฐานว่าสภาองค์กรชุมชนคืออะไร? สภานี้เป็นสภาตรวจสอบอบต.หรือเหล่า? เป็นการซ่องสุมกำลังของนายกอบต.คนต่อไปหรือเปล่า ไปจนถึงคำถามใหญ่ว่า เรามีสภาอบต./สภาอบจ./สภาเทศบาลและสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว ทำไมต้องมีสภาองค์รชุมชนขึ้นมาอีก

ในภาคปฏิบัติ ในช่วงสามปีที่ผ่านมา สภาองค์กรชุมชนที่จัดตั้งขึ้นแล้วซึ่งเป็นองค์กรเครือข่ายชุมชนประเภทหนึ่ง นั้น มีบทบาทมากมายหลายด้าน สภาองค์กรชุมชนที่ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พื้นที่ใจกลางสึนามิเมื่อหลายปีก่อนหยิบยกเอาประเด็นการขุดทรายขายสิงคโปร์ และการให้สัมปทานเหมืองแร่ในทะเล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลอย่างรุนแรงขึ้นมาเปิดเวทีสาธารณะ ให้ประชาชนทุกฝ่ายรวมทั้งบริษัทเอกชนที่จะดำเนินการและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องมาชี้แจงข้อมูล สภาองค์กรชุมชนตำบลคูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลาหยิบปัญหาการระเบิดหินซึ่งส่งผลกระทบกับสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของ ชุมชนขึ้นมาเปิดเวทีสาธารณะ เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตลอดแนวชายฝั่งแม่น้ำโขงหยิบยกปัญหาน้ำโขงแห้ง ปัญหาการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำ ๑๒ เขื่อนและปํญหาการเสื่อมโทรมของแม่น้ำโขงขึ้นมาถกเถียงและยื่นข้อเสนอต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สภาองค์กรชุมชนจำนวนมากเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดทำแผนชุมชน ซึ่งเป็นแผนการพัฒนาของภาคประชาชนในตำบล

alt สภาองค์กรชุมชนตำบลท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เป็นแกนกลางในการประสานงานกับเทศบาลนคร นครศรีธรรมราชเพื่อปรึกษาหารือเรื่องการจัดสรรน้ำในคลองท่าดีซึ่งทั้งสอง พื้นที่ใช้น้ำจากคลองท่าดีร่วมกัน เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนชายฝั่งทะเลจ.ชุมพร ๖ สภา มีการประชุมวางแผนพัฒนาชายฝั่งร่วมกัน กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาสี่ด้านคือ การพัฒนาชุมนพึ่งตนเอง เช่นการพัฒนาสวัสดิการ ต่อต้านยาเสพติด ทำแผนชุมชน ทำธุรกิจชุมชน เป็นต้น ด้านที่สองคือการมีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อมชายฝั่ง เช่นการจัดการมลพิษ ฟื้นฟูป่าชายเลน ด้านที่สามคือ การมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่ง เช่น นโยบายสิทธิประมงหน้าบ้าน มาตรการจัดการเครื่องมือประมงแบบทำลายล้าง เป็นต้น และด้านที่สี่คือ การพัฒนาศูนย์เรียนรู้ชุมชน

สภาองค์กรชุมชน ต.น้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน ได้สานก่อกิจกรรมที่ดำเนินการมาก่อนหน้านั้น โดยมีบทบาทสำคัญในการ การสร้างการเมืองภาคพลเมือง ลดความขัดแย้งทางการเมือง ในการเลือกตั้ง นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่ เฝ้าระวัง / เยาวชน ห้ามขายบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนันในงานศพ งดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งเป็นข้อตกลงในชุมชน จึงกลายเป็นมาตรการสังคมที่ทุกคนในตำบลต้องปฏิบัติ บวชป่า ตรวจป่า เฝ้าระวังการตัดไม้ทำลายป่า ดูแลดิน น้ำ ป่า อากาศ มี กฎระเบียบในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร กองทันสวัสดิการ ออมวันละ ๑ บาท จำนวนสมาชิก ๑,๓๐๐ คน เฝ้าระวังการใช้สารเคมีทางการเกษตรในเขตชุมชน ห้ามยาฆ่ายาหญ้าในเขต ชุมชน แต่สามารถใช้ในพื้นที่เกษตรกรรมได้ สุขภาพ ออกกำลังกาย เต้นอารบิค ตรวจสารพิษตกค้างในเลือด รณรงค์สาร เคมี เชื่อมประสานกลุ่มองค์กรชุมชนในตำบล โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการดำเนิน กิจกรรมต่างๆ ภายใต้กลุ่มบ้าน วัด โรงเรียน สถานีอนามัย (บวรส.)

สภาองค์กรชุมชนนาชุมแสง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น มีกระบวนการจัดทำแผนชุมชนโดยใช้เยาวชนจากโรงเรียนกว่า๑๐๐ คน การสำรวจข้อมูลความต้องการของประชาชนกว่า๘๐๐ ครัวเรือน แล้วนำมาจัดทำแผนพัฒนาตำบลและจัดประชุมคนทั้งตำบลกว่า ๕๐๐ คนเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนดังกล่าวซึ่งดำเนินงานระหว่างปี ๒๕๕๓-๒๕๕๕ ฯลฯ

รัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๐ มาตราสามระบุว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย อธิบายขยายความได้ว่าอำนาจของหน่วยงานของรัฐทุกประเภทมาจากการให้อำนาจของ ประชาชนเพื่อจัดการกิจการสาธารณะ อำนาจที่ว่านั้นมาจากกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ตามหลักการประชาธิปไตยที่เข้าใจกันทั่วโลกนั้น การที่ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะมอบอำนาจทั้งหมดให้ผู้แทน ดังที่เข้าใจกันผิดๆไม่ ประชาชนยังมีอำนาจเต็มเปี่ยมที่จะทักท้วง วิพากษ์วิจารณ์ แทรกแทรงการใช้อำนาจและแม้แต่ถอดถอนบรรดาผู้แทนในสภาทุกระดับ รวมทั้งประชาชนยังมีอำนาจโดยตรงที่จะจัดการบ้านเมืองด้วยตนเองเมื่อเห็นว่า ผู้แทนทั้งหลายไม่ทำตามเจตจำนงค์ร่วมของประชาชน เช่น การให้อำนาจประชาชนในการเสนอกฎหมาย

พรบ.สภาอองค์กรชุมชนก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ประชาชนจะใช้อำนาจโดยตรงในการจัดการประเทศ เพราะเจตนารมย์ของพรบ.สภาองค์กรชุมชนคือ “สนับสนุนให้ชุมชนและประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ”alt

คำตอบต่อคำถามที่ว่าทำไมมีสภาต่างๆอยู่แล้วจึงต้องมีสภา องค์กรชุมชนอีกจึงชัดเจนอยู่ในเจตนารมย์ของกฏหมายดังกล่าวมาแล้ว คือสภาอบต.สภาอบจ.สภาเทศบาลนั้นเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยในทางอ้อม(ผ่านตัวแทน)ของปวงชนชาวไทย แต่สภาองอค์กรชุมชนเป็นการใช้อำนาจทางตรงของประชาชน.....แล้ว บรรดาตัวแทนที่อยู่ในสภาต่างๆและข้าราชการซึ่งใช้อำนาจตามที่ประชาชนตัวจริง มอบให้จะค่อนขอดสภาองค์กรชุมชนซึ่งเป็นสภาของตัวจริงกันไปถึงไหน

สามารถติดตามได้ที่

http://www.codi.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=1667%3A2011-09-06-11-16-14&catid=42%3A2009-09-22-05-47-57&Itemid=65&lang=th อังคาร, 06 กันยายน 2011 18:01 อัมพร แก้วหนู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น