สภาประชาชนที่สร้างการมีส่วนร่วมจากการวิเคราะห์ปัญหาชุมชนนำสู่การปฏิบัติและเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้การสนับสนุน โดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง ใช้ชุมชนเป็นแกนหลักในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่่น
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เวทีเสวนาแนวทางประสานความร่วมมือแผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ ๒
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ โรงแรมเวียงอินน์ อ.เมือง จ.เชียงราย เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน สภาฮักเจียงฮาย สภาพัฒนาการเมือง และองค์กรพัฒนาเอกชน ร่วมจัดเวทีเสวนาแนวทางประสานความร่วมมือแผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ ๒ โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน ๒๐๐ คน
ทั้งนี้เพื่อนำเสนอแผนงานภาคประชาชนต่อรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายพินิจ หาญพาณิชย์ มารับข้อมอบข้อเสนอแผนยุทธศาสตร์ โดยมีแผนงานที่สอดคล้องตรงกันจำนวน ๗ แผนงาน จาก ๑๑ แผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย
๑) ด้านการเกษตร
๒) ด้านการท่องเที่ยว
๓) ด้านการศึกษา
๔) ด้านทรัพยากรมนุษย์
๕) ด้านการพัฒนาสังคม
๖) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๗) ด้านป้องกันบรรเทาสาธารณะภัย
ป้ายกำกับ:
ประสานแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงราย
การประชุาสมัชชาสภาองค์กรชุมชนตำบล ระดับจังหวัด ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ ณ โรงแรมไดม่อนปาร์คอินน์ เชียงราย รีสอร์ท
สภาองค์กรชุมชน จังหวัดเชียงราย จัดประชุมสมัชชาสภาองค์กรชุมชนตำบล ระดับจังหวัด เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ โรงแรมไดม่อนปาร์คอินน์ เชียงราย รีสอร์ท
ซึ่งการประชุมดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมประชุม ๖๐ คน ผู้แทนสภาฯ ๔๗ คน ผู้ทรงคุณวุฒิ ๗ คน และผู้เข้าร่วมอีก ๑๖ คน โดยมีพ่อเลื่อน ธนะเพทย์ กล่าวเปิดการประชุม และนายวิรัตน์ พรมสอน ประธานสภาองค์กรชุมชน จังหวัดเชียงราย กล่าวชี้แจงวัตถุประสงค์การประชุม
ที่ประชุมได้มีการรับรองผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาเพิ่มเติม ตามมาตรา ๖ (๒)
ประกอบด้วย
๑) นายสนั่น เนตรสุวรรณ ประธานสภาวัฒนธรรม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
๒) นายสมัย รัตนจันทร์ ประธานเครือข่ายสุขภาพล้านนา เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
๓) นายคำ ไพศาลสิทธิกานต์ อุปนายกสมาคมสื่อมวลชนและนักจัดรายการอาวุโส เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
๔) นายนิรันดร์ แปงคำ ผอ.สถานการเรียนรู้ภาคประชาสังคม เป็นที่ปรึกษา
๕) นางประคองศรี ธนะเพทย์ เป็นที่ปรึกษา
๑) นายประนอม เชิมชัยภูมิ เป็นประธาน
๒) นายวิรัตน์ พรมสอน เป็นรองประธาน
๓) นางอำไพวรรณ ปัญญาชัย เป็นรองประธาน
๔) นางอัญชลี อินต๊ะวงค์ เป็นเลขานุการ
๕) นางวิไล นาไพวรรณ์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
การคัดเลือกตัวแทนไปประชุมระดับชาติ ๒ คน ตามมาตรา ๒๗ (๕) ที่ประชุมรับรองประธาน และเลขานุการ ระดับจังหวัดเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประชุมระดับชาติ ดังรายชื่อดังต่อไปนี้
๑) นายประนอม เชิมชัยภูมิ
๒) นางอัญชลี อินต๊ะวงค์
การคัดเลือกตัวแทนสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง ๑ คน (กรณี ครบวาระ) ตาม พรบ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑ ในมาตรา ๗ (๑) ที่ประชุมได้เสนอและรับรองให้ นายวิรัตน์ พรมสอน เป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองจังหวัดเชียงรายคนต่อไป
ทั้งนี้ การคัดเลือกผู้แทนทุกประเภทให้มีผลเร่ิมตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ซึ่งถือเอาคราวการประชุมระดับจังหวัด ครั้งแรก (๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๑)
นอกจากนี้ ยังมีการรับรองแผนยุทธศาสตร์ และระเบียบข้อบังคับของเครือข่ายสภาองค์กรชุมชน จังหวัดเชียงรายร่วมกัน
ป้ายกำกับ:
ประสานแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดเชียงราย,
สมัชชาสภาองค์กรชุมชนตำบล ระดับจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ ๑ /๒๕๕๕
ทำบุญสำนักงานสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานภาคเหนือตอนบน
ได้ฤกษ์
เปิด พอช. ภาคเหนือ
มุ่งสู่ศูนย์กลางการขับเคลื่อนงานพัฒนาองค์กรชุมชนจัดการตนเอง
เชียงใหม่ : วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ สำนักงานภาคเหนือ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) ร่วมกับ เครือข่ายองค์กรชุมชน ๑๕ จังหวัดภาคเหนือ เปิดอาคารสำนักงานภาคเหนือ ณ เลขที่ ๕/๕ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่เพื่อเป็นศูนย์กลางการทำงานในระดับภาคร่วมกันของขบวนองค์กรชุมชน ประชาสังคม หน่วยงานภาครัฐ และภาคีในท้องที่ ทั้งนี้ขบวนชุมชนและภาคีพัฒนาร่วมแสดงความยินดีกว่า ๔๐๐ คนโดยได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแสดงความยินดี
นายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า
รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมแสดงความยินดีในวันเปิดอาคารสำนักงานภาคเหนือ
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่สำคัญที่พี่น้องขบวนองค์กรชุมชน
๑๕ จังหวัดภาคเหนือ ได้มีศูนย์ประสานงาน
และเชื่อมโยงการทำงานของขบวนองค์กรชุมชนกับหน่วยงานภาคราชการ ภาคประชาสังคม
และภาคีต่างๆ
\ “ในการดำเนินงานของขบวนองค์กรชุมชนในพื้นที่
๑๕ จังหวัดภาคเหนือ ได้รับการหนุนเสริมจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคราชการ
ภาคประชาสังคม ภาคีต่างๆ ซึ่งสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
ได้มุ่งเน้นการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วม โดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง
ประชาชนเป็นแกนหลักในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมพัฒนา
เพื่อให้องค์กรชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถจัดการตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”
พลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง
ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า
กระผมมีความยินดีที่วันนี้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงานภาคเหนือขึ้น
เพื่อเป็นศูนย์ประสานงาน
และเชื่อมโยงการทำงานของขบวนองค์กรชุมชนกับหน่วยงานภาคราชการ ภาคประชาสังคม และภาคีในท้องที่ต่อไป
“ผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ขบวนองค์กรชุมชน ๑๕ จังหวัดภาคเหนือ
จะได้ใช้ประโยชน์จากอาคารสำนักงานภาคเหนือแห่งนี้
เป็นศูนย์กลางการประสานงานของภาคประชาชนอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา
สำนักงานปฏิบัติการภาคเหนือ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช.ภาคเหนือ
มีบทบาทในการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานพัฒนาขบวนองค์กรชุมชน ทั้งระดับตำบล จังหวัด
และภูมินิเวศน์ และได้กำหนดยุทธศาสตร์ร่วมในระดับภาคร่วมกัน
ส่งผลให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของขบวนองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคม
และภาคีพัฒนาขึ้น ในพื้นที่ทั้ง ๑๕ จังหวัดภาคเหนือ ภายใต้ยุทธศาสตร์
“การฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่น” ที่เน้นการพัฒนาเชิงคุณภาพ โดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง เพื่อให้เกิด
“การจัดการตนเอง” ของชุมชนท้องถิ่น
ส่งผลให้เกิดขบวนการพัฒนา
โดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งอย่างเป็นรูปธรรมอาทิ
การสนับสนุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองและชนบท หรือ
โครงการบ้านมั่นคง ในเขตเมืองจำนวน ๑๓ จังหวัด ๑๐๒ โครงการ ๓๙๖ ชุมชน
มีผู้ได้รับผลประโยชน์ จำนวน ๑๑,๐๐๐ ครัวเรือน ,
การสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล จำนวน ๖๔๕ กองทุน คิดเป็นร้อยละ ๔๔
ของพื้นที่ตำบล/เทศบาล ในพื้นที่ภาคเหนือ
โดยมีการสร้างหลักประกันด้านสุขภาพโดยชุมชน
เน้นการพึ่งตนเองและการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมของชุมชน ครอบคลุมสมาชิก
๔๐๐,๐๐๐ ราย และมีทุนหมุนเวียน จำนวน ๗๖ ล้านบาท ,
การสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชน เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
กำหนดแนวทางการพัฒนาชุมชนของคนในชุมชนท้องถิ่น มีสภาฯ จัดตั้งแล้ว จำนวน ๔๕๖ ตำบล
มีกลุ่มองค์กร ๑๙,๐๐๐ กลุ่ม ,
การสนับสนุนตำบลจัดการตนเอง โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ผนึกพลังชุมชนท้องถิ่น
จัดการตนเอง เพื่อให้ได้แผนพัฒนาของชุมชนท้องถิ่นระดับตำบลและดำเนินการแก้ปัญหาของตนเอง
รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการประสานแผนงาน/ทรัพยากรกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานสนับสนุน
มีผลการดำเนินงาน ๕๔๓ ตำบล
นางทิพย์รัตน์ นพลดารมย์
ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) กล่าวว่า
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน มีปรัชญาสำคัญในการขับเคลื่อนงาน คือ
การสนับสนุนให้องค์กรชุมชนเป็นแกนกลางในการพัฒนา ถือว่าวิธีทำสะท้อนวิธีคิด
เน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ภายใต้ยุทธศาสตร์องค์กรชุมชนเป็นแกนหลัก
พื้นที่เป็นตัวตั้ง โดย พอช. มีสำนักงานส่วนภูมิภาค จำนวน ๑๑ สำนักงาน
เป็นศูนย์กลางการประสานงานและเชื่อมโยงการทำงานของขบวนองค์กรชุมชนและภาคีพัฒนาในระดับภาค
ครอบคลุมพื้นที่ ๗๗ จังหวัด
“สำนักงานภาคเหนือ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
มีแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนขบวนงานพัฒนา คือ พัฒนากลไกที่มีพื้นที่กลาง
ที่มีบทบาทเป็นผู้ขับเคลื่อนงานพัฒนารวมทั้งออกแบบการทำงานชุมชนระหว่างเจ้าหน้าที่และขบวนองค์กรชุมชนในระดับภาค
เพื่อเชื่อมประสานระบบงานพัฒนาระดับพื้นที่ทั้งระดับตำบล จังหวัด และภาค
ร่วมกับภาคประชาสังคม หน่วยงานภาครัฐ และภาคีพัฒนา
จากการดำเนินงานที่ผ่านมาได้สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงประจักษ์ในระบบวิธีคิด
ระบบโครงสร้าง ความสัมพันธ์ และการบริหารงบประมาณ เกิดนวัตกรรมใหม่โดยมีการขับเคลื่อนงานจากฐานรากสู่นโยบาย
เพื่อให้ภาคประชาชนมีที่ยืนทางสังคม มีความเชื่อมั่นในคุณค่าและศักยภาพของตนเอง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการขับเคลื่อนงานขบวนองค์กรชุมชนจะได้รับความร่วมมือจากภาคีหน่วยงานต่างๆ
โดยมีสำนักงานภาคเหนือเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ ต่อไป”
ด้านนายประทีป บุญหมั้นผู้แทนเครือข่ายองค์กรชุมชนจังหวัดเชียงใหม่
กล่าวว่า ในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา จากการที่ได้ทำงานเป็นทั้งกรรมการร่วมระดับภาคและเป็นตัวแทนชาวบ้าน
ในช่วงที่ผ่านมาเห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก คือ
มีงานพัฒนาที่เกิดที่ภาคและที่จังหวัดมากขึ้น
ที่เกิดจากนโยบายการกระจายการสนับสนุนงานพัฒนาลงท้องถิ่น การเข้าร่วมงานกับ พอช.
มีความพึงพอใจที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นชาวบ้านมีส่วนร่วม
และเข้ามาทำงานร่วมกันมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่ต่างคนต่างทำ เห็นว่าตำบลมีการจัดทำข้อมูลมากขึ้น
และส่งข้อมูลมาที่จังหวัด ทำให้จังหวัดมีข้อมูลที่เป็นจริงในการวางแผนพัฒนา
มีสภาองค์กรชุมชนตำบลเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมการทำงาน ทั้งเมืองและชนบท
มีบทบาทในการทำงานร่วมกันมากขึ้น
“และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บ้านใหม่หลังที่สองของหมู่เฮา
จะเป็นสถานที่ใช้ในการเชื่อมโยงและทำงานของภาคชาวบ้าน และหน่วยงานภาคีต่างๆ
ที่จะได้เชื่อมงานจากข้างล่างสู่ระดับนโยบายต่อไป”
ครูมุกดา อินต๊ะสาร เครือข่ายสวัสดิการชุมชน
จ.พะเยา กล่าวว่า
เราพยายามต่อสู้เพื่อให้ทุกคนลุกขึ้นมาจัดการตนเองได้
เรามีบทเรียนประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน
เพื่อให้ทุกคนลุกขึ้นมาจัดการตนเอง โดยใช้ทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชุมชน ขบวน
พอช. เป็นแนวทางที่ดีมากในการเปิดพื้นที่และหาข้อมูลเพื่อหนุนเสริมขบวนองค์กรชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง”
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)